สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “สิริกิติ์” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร”
ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2475 ที่บ้านพลเอก เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมหลวงบัว ณ บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระรามหก ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เติบโตในระยะเวลาที่มีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมือง ต้องอยู่ห่างไกลพระบิดามารดา บางคราวต้องไปอยู่ต่างจังหวัดกับพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นพลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ ครั้งดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงลาออกจากราชการในตำแหน่งเลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันดี.ซี. แล้วเสด็จกลับประเทศไทยในพุทธศักราช 2477 หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขณะนั้นอายุได้ 2 ขวบ 6 เดือน จึงได้กลับมาอยู่รวมพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
เมื่อวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 ได้มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธาน พระราชทานน้ำพระพุทธมนต์และเทพมนต์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายและในวันนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
วันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2493 เป็นวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับเฉลิมพระบรมนามาภิไธยว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และทรงเฉลิมพระยศสมเด็จพระราชินีเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
พุทธศักราช 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จออกทรงผนวชตามโบราณราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และภายหลังเมื่อทรงลาผนวชแล้ว ได้ทรงสถาปนาพระอิสริยยศสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อันมีความหมายว่า ทรงเป็นที่พึ่งของประชาชน นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่สองของไทย ต่อจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงปฏิบัติราชการแทนพระองค์เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชโอรสและพระราชธิดา รวม 4 พระองค์ คือ
- ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
- สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เป็นลำดับมา ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย และในฐานะคู่พระราชหฤทัยแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าวคือ ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภาระทั้งหลายไปได้เป็นอันมาก ทั้งยังมีพระราชดำริริเริ่มใหม่เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือประชาชน และการพัฒนาประเทศอยู่เนือง ๆ เห็นได้ชัดจากพระราชกรณียกิจที่เผยแพร่สู่สายตาประชาชนอยู่ในทุกวันนี้
พระผู้ทรงเป็น “แม่และครูแห่งแผ่นดิน”
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงบำเพ็ญพรหมวิหารธรรมปกเกล้าปกกระหม่อมปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นเด็กด้อยโอกาส คนชรา คนพิการ คนบกพร่องทางสติปัญญา คนยากไร้ และคนเจ็บป่วย ทรงมีพระเมตตาแก่ราษฎรทั่วพระราชอาณาจักร และไม่มีขีดขั้นในเชื้อชาติ
พระองค์มีพระราชดำริว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยพัฒนาชีวิตคน สังคม และประเทศชาติ จึงได้ทรงดำเนินการโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ยากจน ผู้อยู่ห่างไกล ผู้ได้รับภัยธรรมชาติ และผู้ได้รับอันตรายจากการป้องกันประเทศทั้งทางด้านความรู้ ความประพฤติ สุขภาพอนามัยและการประกอบอาชีพ ทรงสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้ศึกษาตามความเหมาะสมกับความสามารถ สภาพแวดล้อมและให้เกิดความรักที่จะศึกษาทุก ๆ ด้านอยู่เสมอ
พระราชทานทุนการศึกษา…พัฒนาเยาวชนทุกกลุ่มทุกวัย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริว่า การศึกษานั้นไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นการศึกษาตามระบบเสมอไป ดังนั้นหากเด็กคนใดมีความมานะพยายามและประสงค์จะศึกษาต่อ พระองค์จะพระราชทานพระราชานุเคราะห์ให้เรียนไปตามความสามารถของเด็กคนนั้น แต่หากเด็กคนใดมีอายุเกินกว่าจะกลับมาเข้าเรียนชั้นเดียวกับเด็กอื่น ๆ ได้ ก็จะทรงส่งเสริมให้เรียนวิชาชีพตามความสนใจและความสามารถ โดยพระองค์จะทรงรับนักเรียนยากจนขาดโอกาสทางการศึกษาไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ในโอกาสที่ทรงพบขณะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานตามที่ต่าง ๆ หรือเมื่อทรงทราบผ่านทางกองราชเลขานุการในพระองค์ฯ โดยไม่ทรงเลือกว่าต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่งเท่านั้น
การพระราชทานทุนนั้นรวมถึงชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และค่าใช้จ่ายทั้งหลายระหว่างเรียนพร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ติดตามดูแลความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
นอกจากนี้ พระองค์ทรงห่วงใยในเด็กและประชาชนที่พิการ มีพระราชดำริว่าผู้พิการควรได้รับความเอาใจใส่ดูแล และได้รับการบำบัดรักษาเมื่อเจ็บป่วยเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป และควรได้รับการอบรมให้มีอาชีพตามความถนัด เพื่อสามารถดำรงชีพได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม พระองค์จึงได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กพิการให้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนการศึกษาพิเศษที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งมีทั้งโรงเรียนสอนคนตาบอด โรงเรียนสอนคนหูหนวก-หูตึง โรงเรียนสอนคนบกพร่องทางสติปัญญา และโรงเรียนสอนคนพิการแขนขาและลำตัว โดยมีพระราชเสาวนีย์ให้กองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ปฏิบัติเช่นเดียวกับนักเรียนสามัญทั่วไป คือ ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดจนจบการศึกษาและสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ในที่สุด
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 สมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ถวายพระพรพระพันปีสิริสวัสดิ์
พูนพิพัฒน์พระชันษาสถาผล
ในวาระยืนยงมิ่งมงคล
เจริญพระชนม์เก้าสิบสามอร่ามรุจีขอทวยเทพปกไผทมไหศวรรย์
น้อมภิวันทน์พระไตรรัตน์จรัสศรี
เฉลิมพระเกียรติพระจอมนาถกษัตรีย์
เป็นมิ่งขวัญจักรีนิรันดร์เทอญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่
กระทรวงศึกษาธิการ
สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / เรียบเรียง
ณัฐพล สุกไทย / กราฟิก
ข้อมูลอ้างอิง
ปราณี ปราบริปู. “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ: พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน” ใน พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนพับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน),2559
ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ หน่วยราชการในพระองค์ http://www.royaloffice.th