ชายแดนใต้เตรียมเฮ ! เสมา 1 “นฤมล” รับลูกรัฐบาล จ่อดันค่าตอบแทนปอเนาะ – ตาดีกา เพิ่มขวัญกำลังใจครูสอนศาสนาอย่างเท่าเทียม

กระทรวงศึกษาธิการ – 25 สิงหาคม 2568 / ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ. นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการ กช. ตลอดจนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ Zoom Meeting

รมว.ศธ. เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ การปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนา ปรับเพิ่มจำนวนครูสอนศาสนาที่ได้รับเงินอุดหนุน ปรับเพิ่มอัตราค่าบริหารจัดการโรงเรียน และจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามทุกแห่งที่จัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบการศึกษาในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจในการทำงานเพื่อพัฒนาการศึกษา และมีความหวังว่าจะทำให้โรงเรียนเอกชนมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโรงเรียนเอกชนมีหลายรูปแบบและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับเยาวชน จึงอยากให้มีการช่วยเหลือและสนับสนุนโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะ “โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง” โดยให้โรงเรียนเอกชนและโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในพื้นที่หรือภูมิภาคเดียวกัน เข้ามาเกื้อกูลและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอน และขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

โดยที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้สอนในศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และค่าบริหารจัดการมัสยิด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวมทั้ง (ร่าง) ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยมาตรการสนับสนุนค่าตอบแทนโต๊ะครู ผู้ช่วยโต๊ะครู และค่าบริหารจัดการสถาบันศึกษาปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. …. และ (ร่าง) ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ว่าด้วยมาตรการสนับสนุนค่าตอบแทนครูสอนศาสนาอิสลาม และค่าบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ….

กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้เร่งขับเคลื่อนงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 และรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้ประชุมหารือการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 และวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการกำหนดอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนาทุกกลุ่มเท่ากันคือ 3,500 บาท/คน/เดือน ยกเว้นโต๊ะครูให้กำหนดอัตราค่าตอบแทน 4,000 บาท/คน/เดือน โดยครูฯ ที่จะได้รับค่าตอบแทนจะต้องไม่มีพฤติกรรมที่ขัดต่อความมั่นคงของประเทศไทย รวมทั้งกำหนดอัตราค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามทุกกลุ่มใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอัตราเดียวกัน คือ 3,000 บาท/แห่ง/เดือน โดยมอบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เร่งร่างประกาศฯ ให้ รมว.ศธ. พิจารณาลงนามต่อไป

“การปรับเพิ่มค่าตอบแทนและค่าบริหารจัดการในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาทุกประเภทได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียม ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างเต็มที่ รวมทั้งแก้ไขปัญหาและสนับสนุนการจัดการศึกษาใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเป็นธรรม พร้อมสร้างความมั่นคงและส่งเสริมสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (บอร์ด กช.) กรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน โดยมี รมว.ศธ. เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภาการศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นกรรมการและเลขานุการ

รวมทั้งกรรมการซึ่ง รมว.ศธ. แต่งตั้ง 11 คน (วาระดำรงตำแหน่ง 3 ปี) โดยมีกรรมการประเภทผู้แทนสมาคมเกี่ยวกับโรงเรียนเอกชน 2 คน กรรมการประเภทผู้แทนผู้รับใบอนุญาต ผู้อำนวยการ ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา รวม 5 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน โดยได้กำชับให้คณะกรรมการทุกคนนำองค์ความรู้และประสบการณ์มาช่วยกันพัฒนาการศึกษาเอกชนร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก
ศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ / ภาพ