เตือนภัย!! “ใบขับขี่ออนไลน์ปลอม” กำลังระบาดหนัก
ในยุคที่ทุกอย่างดูเหมือนจะทำได้ผ่านปลายนิ้ว ความสะดวกสบายของบริการออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน แต่ท่ามกลางความง่ายดายนั้นก็มีภัยร้ายแฝงตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะข้อเสนอที่ดูดีเกินจริงอย่าง “การทำใบขับขี่ออนไลน์แบบเร่งด่วน” ที่มาพร้อมคำโฆษณาชวนเชื่อว่า “ไม่ต้องอบรมหรือทดสอบ” และสามารถ “รอรับใบขับขี่ที่บ้านได้เลย” ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอย่างหนักบนโซเชียลมีเดียกลโกงนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าที่หลายคนคาดคิด และราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงกว่าเงินค่าดำเนินการที่เสียไปให้มิจฉาชีพหลายเท่านัก บทความนี้จะเปิดเผยคำเตือนของหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมการหลงเชื่อข้อเสนอเหล่านี้จึงอันตรายถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตได้
——————————————————————————–
เรื่องนี้กลายเป็น “ข่าวปลอมอาชญากรรมออนไลน์ อันดับ 1” ที่คนไทยสนใจมากที่สุด
เรื่องราวการหลอกลวงทำใบขับขี่ออนไลน์ไม่ใช่แค่กลโกงทั่วไป แต่เป็นภัยคุกคามที่มีขนาดใหญ่และแพร่หลายอย่างน่าตกใจ จากการเปิดเผยของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าข่าวปลอมเรื่อง “การรับทำใบขับขี่เร่งด่วนสำหรับคนต่างด้าว” กลายเป็นข่าวปลอมที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในช่วงระหว่างวันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมาข้อมูลนี้ได้มาจากการตรวจสอบข้อความในระบบออนไลน์กว่า 1,029,607 ข้อความ โดยช่องทางหลักที่ตรวจพบการแพร่กระจายของข่าวปลอมนี้คือ “Social Listening” ข้อเท็จจริงนี้ชี้ให้เห็นว่ากลโกงนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ผ่านโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่กำลังถูกพูดถึงและส่งต่อกันในวงกว้างแบบปากต่อปาก ยิ่ง “สร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ” และทำให้ภัยคุกคามนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและอันตรายยิ่งขึ้นการที่ข่าวปลอมนี้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมหาศาลกำลังตกเป็นเป้าของข้อเสนอที่อันตรายเหล่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติที่ตกเป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากมิจฉาชีพเล็งเห็นช่องโหว่จากอุปสรรคด้านภาษาและความไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนราชการของไทย ทำให้ข้อเสนอ “ทางลัด” กลายเป็นกับดักที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ การขึ้นเป็นอันดับหนึ่งนี้จึงไม่ใช่แค่สถิติ แต่คือสัญญาณของปฏิบัติการเก็บเกี่ยวข้อมูลส่วนบุคคลครั้งมโหฬารที่แฝงตัวมาในคราบบริการสาธารณะ
——————————————————————————–
สิ่งที่น่ากล้วไม่ใช่ “ใบขับขี่ปลอม” แต่คือ “ข้อมูลส่วนตัว” ของคุณ
หลายคนอาจคิดว่าความเสียหายสูงสุดคือการเสียเงินฟรีและได้ใบขับขี่ปลอมมา แต่ความจริงที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ในขณะที่คุณคิดว่ากำลังซื้อเอกสารปลอม ความเป็นจริงคือ “ตัวคุณเอง” ต่างหากที่กำลังถูกขาย ข้อมูลส่วนตัวของคุณมีค่าสำหรับอาชญากรมากกว่าเงินค่าธรรมเนียมที่พวกเขาเรียกเก็บเสียอีกเมื่อข้อมูลเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ ความเสี่ยงที่ตามมานั้นรุนแรงและหลากหลายกว่าที่คิด เช่น
• มีความผิดทางอาญาทันที : แค่คุณนำใบขับขี่ปลอมไปใช้งาน ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญาแล้ว นี่คือความเสี่ยงแรกที่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องรอ
• ถูกใช้เปิดบัญชีม้า : ชื่อและใบหน้าของคุณอาจถูกนำไปสร้างบัญชีธนาคารเพื่อใช้ฟอกเงินจากอาชญากรรมอื่นๆ ทำให้คุณเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายของเหล่าร้ายโดยไม่รู้ตัว
• ถูกสวมรอยกู้หนี้นอกระบบ : มิจฉาชีพสามารถใช้เอกสารของคุณไปกู้ยืมเงินดอกเบี้ยโหด ทิ้งให้คุณต้องเผชิญหน้ากับแก๊งทวงหนี้ที่อันตรายเพื่อทวงเงินที่คุณไม่เคยได้รับ
• ถูกนำไปใช้ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรง : และนี่คือความเสี่ยงสูงสุด ข้อมูลของคุณอาจถูกนำไปสวมรอยเพื่อใช้ในการก่อเหตุร้ายแรง ซึ่งอาจทำให้คุณกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาได้
เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับ พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยงานรัฐ…ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลที่เชื่อและแชร์ข้อมูลส่งต่อกันไปเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ทั้งยังอาจสร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้
——————————————————————————–
ทางลัดไม่มีจริง กรมขนส่งฯ ยืนยัน “100% คือมิจฉาชีพ”
เพื่อป้องกันตัวเองจากกลโกงเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการยอมรับความจริงที่ว่า การทำใบขับขี่ในประเทศไทยไม่มีทางลัด กรมการขนส่งทางบกได้ยืนยันหลักการที่ชัดเจนและไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถทุกคนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 2 ข้อนี้อย่างเคร่งครัด
1. ผู้ขอรับใบอนุญาตต้อง ดำเนินการด้วยตนเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การยื่นเอกสาร, ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย, เข้ารับการอบรม, ไปจนถึงการสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติ
2. ต้องไปดำเนินการที่ สำนักงานขนส่งเท่านั้น ไม่สามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์หรือตัวแทนใดๆ ได้
ดังนั้น ข้อเสนอใดก็ตามที่โฆษณาว่าสามารถทำใบขับขี่ให้คุณได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้ รับประกันได้ 100% ว่าเป็นมิจฉาชีพอย่างแน่นอน
——————————————————————————–
การหลอกลวงทำใบขับขี่ออนไลน์คือภาพสะท้อนความเสี่ยงที่ไม่สมมาตรในยุคดิจิทัลเหยื่อยอมจ่ายเงินและข้อมูลส่วนตัวเพื่อแลกกับความสะดวกสบายเล็กน้อย แต่สิ่งที่อาชญากรได้ไปคือเครื่องมือทรงพลังในการสวมรอยตัวตนและก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่าเดิมหลายเท่าเรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่า “ความสะดวกสบายที่ผิดปกติมักมาพร้อมกับความเสี่ยง” การตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเชื่อหรือส่งต่อ จึงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในยุคที่ทุกอย่างดูเหมือนจะสำเร็จได้เพียงปลายนิ้ว เราจะสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากข้อเสนอที่ ‘ดีเกินจริง’ ได้อย่างไร ก่อนที่จะสายเกินไป?
