การประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมสืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีหลักการบริหารราชการโดยยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ (2) ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ (3) ยึดมั่นในหลักนิติธรรมการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชนสำหรับนโยบายด้านการศึกษา มีผู้เข้าร่วมจากส่วนราชการในสังกัดและองค์กรในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค (สำนักงานศึกษาธิการภาค จำนวน 18 ภาค และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด 77 จังหวัด) รวมกว่า 350 คน
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับให้คนไทยในทุกช่วงวัย ทุกกลุ่ม การเข้าถึงสิทธิการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบการศึกษา อาทิ กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้คนไทยมีความรู้ และทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และสอดคล้องกับสังคมในอนาคต
การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารและทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผ่านกลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานระดับภูมิภาคและจังหวัด ซึ่งได้กำหนดนโยบายการศึกษาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยนโยบายของรัฐบาล มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพครูและผู้เรียน คือ
– การพัฒนาคุณภาพครูและการยกระดับคุณภาพชีวิตของครูโดยเฉพาะการลดภาระงานครู แก้ปัญหาหนี้สินครู และการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการประเมินวิทยฐานะครู
– การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เรียนทุกช่วงวัย อาทิ การส่งเสริมการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง วิทยาศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมการปฏิรูประบบอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ รวมถึงปฏิรูปการศึกษาพิเศษให้เท่าทันโลก พัฒนาทักษะอาชีพ ส่งเสริมการสร้างรายได้ตามศักยภาพของผู้เรียน
จะเห็นได้ว่า สำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เปรียบเสมือนผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละในพื้นที่ และเป็นผู้เสนอแนวทางการส่งเสริมการจัดการศึกษา แปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อร่วมพัฒนากันพัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน ให้มีความรู้ มีคุณธรรม มีงานทำ และมีรายได้ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ดังนั้น จึงฝากผู้มาร่วมประชุมนำไปขับเคลื่อนและพัฒนางานในพื้นที่ความรับผิดชอบให้เต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ ภายใต้การประชุมดังกล่าว ได้มีการบรรยายพิเศษ หัวข้อ “การบริหารราชการของหน่วยงานในกำกับ ดูแลและแนวทางการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน” โดย รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร และนายวีระ แข็งกสิการ) นายสมใจ วิเศษทักษิณ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ และนายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมเป็นวิทยากร
และกิจกรรมในช่วงบ่ายเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสวนาวิชาการ หัวข้อ “กลยุทธ์การขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่” โดย รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร) ,รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (นางภัทริยาวรรณ พันธ์ุน้อย) รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์) ,อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (นางเกศทิพย์ ศุภวานิช) ,เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (นายมณฑล ภาคสุวรรณ์) ,รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (นางจีรนันท์ เพ่งพินิจ) และรองเลขาธิการ สกสค (นายสุชาติ กลัดสุข) ดำเนินรายการโดย นายธัชกร วงศ์เพ็ง รองศึกษาธิการภาค 3
สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / สรุป-กราฟิก
สมประสงค์ ชาหารเวียง และธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ
ศุภณัฐ วัฒนมงคล และศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ / ภาพเคลื่อนไหว
ภาพเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/share/p/1F8ks8p3pA/?mibextid=wwXIfr
ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง
ข่าวสารล่าสุด
