เตือนภัย!! กลลวงจากมิจฉาชีพปลอมเพจ ‘ดอยคำ’ ที่ทำให้เหยื่อตายใจ

เตือนภัย!! กลลวงจากมิจฉาชีพปลอมเพจ ‘ดอยคำ’ ที่ทำให้เหยื่อตายใจ

ในยุคดิจิทัล การมองหาสินค้าและโปรโมชั่นดีๆ จากแบรนด์ที่เราไว้ใจอย่างเช่น “ดอยคำ” บนโลกออนไลน์เป็นเรื่องปกติ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากลโกงรูปแบบใหม่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการหลอกให้คุณโอนเงินเข้าบัญชีใครก็ไม่รู้ แต่กลับเริ่มต้นด้วยการทำให้คุณ “โอนเงินเข้าบัญชีจริง” ของบริษัทดอยคำเอง เพื่อสร้างกำแพงแห่งความไว้วางใจที่แน่นหนาและยากจะทำลาย
นี่คือมิติใหม่ของกลโกงออนไลน์ ที่ความจริงและความลวงถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก โดยใช้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์เป็นเครื่องมือล่อลวงเหยื่อให้ตายใจ ก่อนจะลากเข้าไปสู่หลุมพรางที่เตรียมไว้ บทความนี้จะเปิดเผย 4 ขั้นตอนสุดแนบเนียนที่มิจฉาชีพใช้ชื่อ “ดอยคำ” มาสร้างเพจปลอม เพื่อเปลี่ยนความเชื่อมั่นของคุณให้กลายเป็นความสูญเสียในที่สุด
 

4 ขั้นตอนกลโกงสุดแนบเนียน

ขั้นที่ 1 : กับดักที่สมบูรณ์แบบใช้ ‘บัญชีจริง’ ลบทุกความสงสัย

กลอุบายเริ่มต้นที่นี่ มิจฉาชีพจะสร้างเพจปลอมโดยใช้ชื่อและโลโก้ของดอยคำ จากนั้นประกาศขายสินค้าพร้อมโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจ เช่น กระเช้าสินค้า หรือสินค้าจัดเป็นเซตพร้อมของแถม แต่จุดที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ เมื่อคุณตกลงสั่งซื้อ มิจฉาชีพจะส่งเลขบัญชีธนาคารซึ่งเป็น “บัญชีจริงของบริษัทดอยคำ” ให้คุณโอนเงินเข้าไป ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้เห็นชื่อบัญชี ‘บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)’ ทำให้เหยื่อลดเกราะป้องกันลง และเปิดประตูรับมิจฉาชีพเข้ามาในชีวิตโดยไม่รู้ตัว นี่คือ “หลุมพราง” ด่านแรกที่มิจฉาชีพวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
 

ขั้นที่ 2 : เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย ‘แคมเปญเพื่อธุรกิจไทย’

หลังจากที่คุณโอนเงินซื้อสินค้าเรียบร้อยและกำลังสบายใจ มิจฉาชีพจะไม่รอช้า หลังจากที่มิจฉาชีพใช้ ‘สลิปโอนเงินจริง’ เพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือแล้ว พวกเขาก็ใช้ ‘แคมเปญรักชาติ’ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์ทันที โดยอ้างว่าแคมเปญนี้จัดขึ้นเพื่อ “ช่วยผลักดัน โปรโมท แล้วก็ ส่งเสริม ธุรกิจ ไทย” ซึ่งเป็นการใช้จิตวิทยายกระดับสถานะของเหยื่อจาก “ลูกค้า” ที่ซื้อสินค้าธรรมดา ให้กลายเป็น “ผู้ร่วมสนับสนุน” พันธกิจดีๆ ทำให้เหยื่อเริ่มเปิดใจและคล้อยตามได้ง่ายขึ้น
 

ขั้นที่ 3 : ล่อด้วย “ผลตอบแทนสูงลิ่ว”

เมื่อเหยื่อเริ่มสนใจในแคมเปญ มิจฉาชีพจะเปิดไพ่ใบสุดท้ายเพื่อล่อให้ติดกับ นั่นคือการเสนอผลตอบแทนที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อถึง 30-60% จากนั้นจะดึงเหยื่อออกจากเพจ Facebook ไปยังพื้นที่ปิดที่ควบคุมได้ง่ายกว่าอย่างแอปพลิเคชัน Line (ที่เรียกว่า “บ้านเขียว”) เพื่อหว่านล้อมให้สมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ปลอมที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ การย้ายไปห้องแชทส่วนตัวคือกลยุทธ์สำคัญที่ใช้แยกเหยื่อออกจากคำเตือนสาธารณะ สร้างสภาวะกดดัน และทำให้มิจฉาชีพสามารถสร้างความใกล้ชิดและความเร่งด่วนจอมปลอมขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นจุดที่การหลอกให้โอนเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะเริ่มต้นขึ้น
 

ขั้นที่ 4 : สัญญาณเตือนสุดท้ายที่ต้องจำให้ขึ้นใจ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ออกมาเตือนภัยประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อสินค้าออนไลน์และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านค้าทุกครั้ง แต่มีประเด็นสำคัญที่สุดที่เป็นเหมือนสัญญาณเตือนสุดท้าย ซึ่งทุกคนควรจำให้ขึ้นใจ หากมีการเชิญชวนให้โอนเงินเพื่อร่วมลงทุน หรือว่าทำแคมเปญใดๆ ก็ตาม ให้ระวังไว้เลยว่า นั่นเป็นสัญญาณเสี่ยงที่จะถูกมิจฉาชีพหลอกได้ คำเตือนนี้คือจุดตัดสำคัญของกลโกง แม้คุณจะผ่านขั้นตอนการซื้อของที่ดูโปร่งใสมาแล้ว แต่ทันทีที่บทสนทนาเปลี่ยนจากการ ‘ซื้อ’ ไปสู่การ ‘ลงทุน’ พร้อมผลตอบแทนที่น่าเหลือเชื่อ นั่นคือสัญญาณเตือนภัยสุดท้ายที่ต้องถอยออกมาทันที
 
 

กรณีของเพจดอยคำปลอมคือบทเรียนสำคัญที่ชี้ว่า กลลวงที่อันตรายที่สุดไม่ได้มาในรูปแบบที่น่าสงสัย แต่มาในรูปแบบที่น่าเชื่อถือที่สุด การกระทำที่ควรจะยืนยันความปลอดภัยอย่าง ‘การโอนเงินเข้าบัญชีจริง’ กลับกลายเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดในมือมิจฉาชีพ คำถามสำคัญจึงย้อนกลับมาที่เราทุกคนว่า ในยุคที่มิจฉาชีพใช้ “ความน่าเชื่อถือ” เป็นเครื่องมือ เราจะป้องกันตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างไร ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป?