กระทรวงศึกษาธิการ จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว “ใต้ร่มมหาวชิราบารมี” เนื่องใน โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ประกอบด้วยพิธีทำบุญตักบาตร พิธีถวายพระพรชัยมงคล ที่หอประชุมคุรุสภา และการทบทวนคำปฏิญาณ การสวนสนามและการบำเพ็ญประโยชน์ของลูกเสือ 182 กอง จำนวน 7,280 คน ณ บริเวณถนนหน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยใน เวลา 07.30 น. นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำผู้บริหารองค์กรหลัก ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 66 รูป ณ หอประชุมคุรุสภา จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และกล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานด้านการศึกษาเพื่อเยาวชนมาตลอดเวลายาวนานเมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงทราบว่าเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดารยังด้อยโอกาสทางการศึกษาอยู่อีกเป็นจำนวนมากจึงทรงรับโรงเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการก่อตั้งในท้องถิ่นทุรกันดารไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้แก่โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภาจังหวัดนครพนมกำแพงเพชรสุราษฎร์ธานีโรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี จังหวัดอุดรธานีสงขลาและฉะเชิงเทราและได้พระราชทานวัสดุ อุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัยเช่นคอมพิวเตอร์โทรทัศน์วิดิทัศน์พระราชทานคำแนะนำส่งเสริมให้โรงเรียนดำเนินโครงการอันเป็นประโยชน์แก่นักเรียนอีกนานัปการเพื่อให้เยาชนได้ใช้ความรู้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้เมื่อสำเร็จการศึกษาในด้านการอุดมศึกษาทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยต่างๆเป็นประจำทุกปีและยังพระราชทานทุนการศึกษาอีกเป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนผู้ยากไร้และเรียนดีความประพฤติคิดดี ให้ได้ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายต่อเนื่องไปจนจบปริญญาตรีและจนถึงขั้นสูงสุดความสามารถเพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพพระราชกรณียกิจ และน้ำพระราชหฤทัยที่ส่งพระเมตตาห่วงใยเยาวชนผู้ด้อยโอกาสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังกล่าวมานี้เป็นที่ประจักษ์ประทับใจประพสกนิกรชาวไทยและผู้อยู่ใต้ร่มพระบารมีก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นความอุดมสมบูรณ์และความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติและประชาชนตลอดมา |
ในโอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการประกวดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม จำนวน 18 รางวัล ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 6 รางวัล, สำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา 3 รางวัล, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 3 รางวัล, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 3 รางวัล และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 3 รางวัล ซึ่งผลงานที่ชนะเลิศการประกวดจะจัดแสดงให้ชมร่วมกับบูธกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด ภายในหอประชุมคุรุสภาและบริเวณโดยรอบ จนถึงเวลา 16.30 น. |
จากนั้น เวลา 09.30 น. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปเป็นประธานพิธีถวายพระพร การทบทวนคำปฏิญาณตน การสวนสนามและการบำเพ็ญ ประโยชน์ ณ บริเวณถนนหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร องค์ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทยอีกทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ลูกเสือ เนตรนารี ผู้บังคับบัญชาและบุคลากรทางการลูกเสือมีความยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ |
การทบทวนคำปฏิญาณตน การสวนสนามและการบำเพ็ญประโยชน์ จัดขึ้นเพื่อให้ลูกเสือทุกหมู่เหล่า ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฝึกความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกเสือสำรองที่เป็นวัยเด็ก เปรียบเสมือนผ้าขาว จะได้ทำความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตน ตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ที่มุ่งสร้างพื้นฐาน 4 ด้าน ได้แก่ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม มีงานทำ มีอาชีพ และเป็นพลเมืองดี ตลอดจนปลูกฝังลักษณะนิสัยการเป็นจิตอาสา ตามแนวทางที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงสนับสนุน ทั้งนี้จะจัดกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศในส่วนกลางมีลูกเสือเข้าร่วม 7 ประเภท ได้แก่ ลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญ- รุ่นใหญ่ ลูกเสือสมุทร ลูกเสืออากาศ ลูกเสือหน่วยพิเศษ และลูกเสือวิสามัญ รวม 182 กอง จำนวน 7,280 คน ขณะที่ส่วนภูมิภาค มอบหมายให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ร่วมกับ หน่วยงานและสถานศึกษาในจังหวัดจัดพิธีฯพร้อมกับส่วนกลาง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งเป้าหมายลูกเสือที่ร่วมกิจกรรมทั้งประเทศรวมประมาณ 5,000,000 คน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีสวนสนามแล้วลูกเสือทุกหมู่เหล่าจะร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ของตน เช่น การบริจาคเลือด ปลูกต้นไม้ ดูแลทำความสะอาดอาคาร สถานที่ในชุมชน เป็นต้น |
กลุ่มสารนเทศ สอ.สป. |