วันพุธที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยต่อความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ “เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ” โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นางสาวสุภาพันธุ์ ทองพยงค์ ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ณ โรงเรียนหล่มเก่าพิทยาคม อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์
>>ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้ร่วมประชุมรับทราบสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และ เชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 1,500 ชุด ถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน 50 ชุด มอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด นางสาวสุภาพันธุ์ ทองพยงค์ ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ต่างปลื้มปิติและสำนึกในพระมหkกรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง ที่ทรงพระเมตตาต่อความเดือดร้อนของประชาชนในยามประสบภัย
>>สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน เกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องและอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและลำห้วยต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และพนังกั้นน้ำคอนกรีตในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักพังทลาย ทำให้มวลน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจอย่างฉับพลัน โดยในช่วงวิกฤติ ระดับน้ำที่สถานีตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก สูงสุดถึง 9.70 เมตร เกินตลิ่งกว่า 1.40 เมตร โดยภาพรวมพบว่าอุทกภัยครั้งนี้กระทบพื้นที่รวม 9 อำเภอ 84 ตำบล 542 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 20 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบมากกว่า 20,000 ครัวเรือน 15,096 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย ได้แก่ ผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำในพื้นที่ อ.หล่มสัก 3 ราย, อ.ศรีเทพ 1 ราย และกรณีติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน อ.หล่มสักอีก 1 ราย
>>จังหวัดเพชรบูรณ์ได้เร่งบูรณาการทุกภาคส่วน ในการให้ความช่วยเหลือ โดยมีการการอพยพเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางผู้สูงอายุ ให้ความช่วยเหลือด้านดำรงชีพ จัดตั้งโรงครัวพระราชทานและโรงครัวในพื้นที่รวมแจกจ่ายอาหาร พร้อมสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับอำเภอที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังดำเนินมาตรการเสริมแนวคันกั้นน้ำด้วยถุงบิ๊กแบ็กและติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อบรรเทาสถานการณ์ ขณะเดียวกันได้เตรียมโครงการระยะยาว ทั้งการก่อสร้างและขยายเขื่อนป้องกันน้ำท่วม รวมถึงอ่างเก็บน้ำตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและน้ำแล้งในอนาคตอย่างยั่งยืน