(ศธจ.เพชรบูรณ์) ร่วม“พิธีอุ้มพระดำน้ำ ประจำปี 2568”

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 เวลา 10.09 น. นางสาวสุภาพันธุ์ ทองพยงค์ ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์ นำคณะข้าราชการ/บุคลากร ร่วม“พิธีอุ้มพระดำน้ำ ประจำปี 2568” โดยมี นายวิทยา อาคมพิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี โดยมี คณะผู้ร่วมประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ประกอบด้วย เจ้าเมือง นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายเวียง พลตรีฐาวิรัตน์ ยังน้อย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 ฝ่ายวัง นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายคลัง ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร ปานถม ผู้จัดการไฟฟ้าสาขาเมืองเพชรบูรณ์ ฝ่ายนา ร้อยตำรวจตรีสุขสัณห์ ภิชัย นายกสมาคมเครือข่ายนักสื่อสารชุมชน พร้อมด้วย ดร.เสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน นักท่องเที่ยว จำนวนมาก เข้าร่วมพิธีอุ้มพระดำน้ำ ณ บริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์

>>พิธีเริ่มจากเวลา 09.39 น. นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้อัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาจากวัดไตรภูมิ มาประดิษฐานบนเรือบริเวณท่าน้ำ และแห่องค์พระพุทธมหาธรรมราชาล่องทวนสายน้ำ ถึงท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมารในเวลา 10.09 น. เพื่อประกอบพิธี อุ้มพระดำน้ำ ที่ปฏิบัติสืบทอดมานาน และเชื่อกันว่าเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ อันจะนำความสุข ความสงบร่มเย็นมาสู่เมือง ส่งผลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์ และทำให้ชาวเพชรบูรณ์มีความเจริญรุ่งเรือง โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยกรมการเมืองทั้ง 4 คือ เวียง วัง คลัง และนา ได้ร่วมทำพิธีอุ้มพระดำน้ำ จำนวน 6 ครั้ง ครั้งที่ 1 และ 2 อุ้มในทิศใต้ ครั้งที่ 3 และ 4 อุ้มในทิศเหนือ ครั้งที่ 5 อุ้มในทิศใต้ และ ครั้งที่ 6 อุ้มในทิศเหนือ ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้ร่วมประกอบพิธี ได้โยนแจกจ่ายเครื่องบวงสรวง กระยาสารท ข้าวต้มลูกโยน กล้วย ที่ผ่านพิธีอันเป็นมงคล ทำให้เกิดปรากฏการร่มหงายประชาชนและนักท่องเที่ยวที่นำร่มมาบังแสงแดด ต่างหงายร่มเพื่อรับของมงคล นำกลับไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

>>ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ หนึ่งในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี มีตำนานที่ถูกเล่าขานมานาน ว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ออกหาปลาในแม่น้ำป่าสัก แต่อยู่มาวันหนึ่งเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น โดยกระแสน้ำในบริเวณวังมะขามแฟบ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด จากนั้นกลายเป็นวังวนดูดเอาองค์พระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ทำให้ชาวประมงต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ แต่ในปีถัดมาตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 วันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปดังกล่าวหายไป ชาวบ้านต่างพากันระงมหา สุดท้ายไปพบพระพุทธรูปกลางแม่น้ำป่าสัก บริเวณที่พบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรกกำลังอยู่ในอาการดำผุดดำว่าย จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ อีกครั้งหนึ่ง พร้อมร่วมกันถวายนามว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา” หลังจากนั้นต่อมาในวันสารทไทย หรือวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เจ้าเมืองเพชรบูรณ์จะทำพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ลงประกอบพิธีดำน้ำเป็นประจำทุกๆปี โดยเชื่อว่าจะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ไพร่ฟ้าประชาชนมีความสุข บ้านเมืองปราศจากจากโรคระบาดคุกคาม จนกลายมาเป็นประเพณีอุ้มพระดำน้ำอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน