วันที่ 16-18 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. นางสาวสุภาพันธุ์ ทองพยงค์ ศึกษาธิการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย ดร.นิพพิชน์ เสนารถ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ ร่วม“ประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ของคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด ประจำปี 2569” โดยมี ดร.สุภชัย จันปุ่ม รองเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานเปิดประชุม พร้อมด้วย ดร.วีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี ผศ.วิไลลักษณ์ ตรีพืช มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ รศ.ดร.อุดมลักษณ์ กุลพิจิตร รศ.ดร.ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ นางธิดา พิทักษ์สินสุข นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา ศึกษาธิการจังหวัด ศึกษานิเทศก์ นางพัชราพรรณ กฤษฎาจินดารุ่ง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย และบุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม Barn ชั้น 1 โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพมหานคร
>>ในการนี้ ดร.สุภชัย กล่าวเปิดงานโดยได้เน้นย้ำถึงนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นแกนหลักในการส่งเสริมและฟื้นฟูพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่ดีอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันทำให้เด็กมีโอกาสในการใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นเร่งด่วนที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และผู้ดูแลเด็กต้องตระหนักร่วมกัน การประชุมครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความรู้ความเข้าใจแผนการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด โดยเริ่มจากศึกษาธิการจังหวัดต้องนำไปขับเคลื่อนในพื้นที่จริง นอกจากนี้ นางพัชราพรรณ ได้ชี้แจงคู่มือแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ประจำปีงบประมาณ 2569 หวังให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางดำเนินงานการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเป็นเอกภาพ ชัดเจนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะมีผลผลิตสำคัญ ได้แก่ 1) ข้อมูลสารสนเทศของเด็กปฐมวัยในระดับจังหวัด ECD Web Application 2) รายงานสภาวการณ์เด็กปฐมวัย และ 3) รายงานผลการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม ในระดับจังหวัด เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตามบริบทของพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
>>จากนั้นที่ประชุมรับฟังหัวข้อ “LINE OA และ Web Application เพื่อจัดทำฐานข้อมูลเด็กปฐมวัย” โดย รศ.ดร.วุฒิพงษ์ และ ผศ.วิไลลักษณ์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต ได้อธิบายและสร้างความรู้ความเข้าใจวิธีการใช้งานระบบเพื่อรองรับการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่แต่ละจังหวัด ตั้งแต่การลงทะเบียน เมนูหลัก การกรอกข้อมูล การส่งรายงาน การดูสถิติ การเปรียบเทียบแนวโน้มในระดับจังหวัด การดึงข้อมูลสารสนเทศมาใช้และจัดทำเป็นรายงานสถานการณ์เด็กปฐมวัยระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมเป็นฐานข้อมูลกลาง ‘คลังสมองของจังหวัด’ ของเด็กรายบุคคล ตลอดจนเป็น ‘แผนที่นำทาง’ จัดสรรทรัพยากรไปยังพื้นที่และเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ เสมือนเป็นกุญแจการทำงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามหน่วยงานอย่างสมบูรณ์ ‘การศึกษา-สุขภาพ-สวัสดิการ’ และช่วยให้การวางแผนพัฒนาเด็กมีความแม่นยำยิ่งขึ้น
>>ช่วงบ่ายเป็นการเสวนา “การขับเคลื่อนนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม มาตรการลดหน้าจอก่อนวัย 2 ขวบ” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เปิดเผยสถิติที่น่าสนใจว่าเด็กและเยาวชนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วราชอาณาจักร มีร้อยละสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562-2567 ถึงร้อยละ 98.2 (สำนักงานสถิติแห่งชาติ,2567) ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เดนมาร์ก ออสเตรเลีย สวีเดน สหรัฐ(บางรัฐ) จึงได้เริ่มมีมาตรการออกมารองรับ เพื่อห้าม/เลี่ยงใช้หน้าจอ หรือ จำกัดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในศูนย์ดูแลสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่า หน้าจอไม่สามารถแทนปฏิสัมพันธ์แบบบุคคลที่มีตัวตนจริงๆได้ โดยช่วงเวลาของเด็ก 0 – 2 ปี สมองจะพัฒนาเร็วที่สุด ควรเน้นการสร้างประสบการณ์จริงจากสิ่งแวดล้อม การเล่น และปฏิสัมพันธ์ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อทางระบบประสาท (synapse) อย่างเหมาะสม และเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กสามารถเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพในโลกยุคใหม่อย่างมั่นคง
>>ในการเสวนา “การขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด” โดยศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ได้แก่ นายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศธจ.เชียงใหม่ นางสาวพิยะดา ม่วงอิ่ม ศธจ.ราชบุรี นางสัจจา ฝ่ายคำตา ศธจ.สกลนคร และนายชาร์รีฟท์ สือนิ ศธจ.นราธิวาส ได้กล่าวถึงความสำเร็จและแนวทางการทำงานในพื้นที่ โดยสิ่งที่ทั้ง 4 จังหวัดเน้นย้ำคือ การบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้ง อทป. สธ. และชุมชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่วนใหญ่มีความท้าทายที่กำลังเผชิญ เช่น ภาวะทุพโภชนาการ พัฒนาการของเด็ก คุณแม่วัยใส รวมถึงจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง ตัวอย่างการดำเนินงานเช่น จ.นราธิวาส มียุทธศาสตร์ ‘โซ่ข้อกลาง’ ผสานพลังทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนผ่านกระบวนการ 1) สร้างการมีส่วนร่วม 2) พัฒนาศักยภาพ 3) ยกระดับพื้นที่บูรณาการ และ 4) สื่อสารและประชาสัมพันธ์ จ.เชียงใหม่ เตรียมพลิกโฉมเด็กปฐมวัยจากความท้าทายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยแผนพัฒนาฯ 7 ยุทธศาสตร์ โดยให้ความสำคัญครอบคลุมความหลากหลายทางบริบทพื้นที่และชาติพันธุ์ ชูโครงการต้นแบบ Lanna Child 4D: พัฒนาการ-Development โภชนาการ-Diet ป้องกันโรค-Desease และทันตสุขภาพ-Dental ซึ่งเชื่อมโยงการทำงานทั้งการศึกษา สาธารณสุข และท้องถิ่น ตลอดจนใช้แนวคิด ‘การเรียนรู้ผ่านการเล่น’ ด้วยการสร้างสนามเด็กเล่นในร่มแห่งใหม่ที่ดึงนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม” มาบูรณาการในการดำเนินงานวางแผนร่วมกับพื้นที่
>>ในวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่ประชุมร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ดร.สุภชัย กล่าวสรุปการประชุม โดยได้ให้ไอเดียขับเคลื่อนการดำเนินงานในอนาคตอาจจะมีการเปิดเวทีเพื่อสะท้อนผลลัพธ์และนำไปสู่การแก้ปัญหาร่วมกัน รวมถึงการลงพื้นที่สำรวจและเชิดชูจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม นอกจากนี้ได้ฝากถึง “การขับเคลื่อนงานการพัฒนาเด็กปฐมวัย สิ่งสำคัญคือ การพัฒนาการตามประสาทสัมผัสทั้ง 5 และจิตวิทยาเด็กปฐมวัย ถือเป็นรากฐานสำคัญ ซึ่งแต่ละจังหวัดนั้นล้วนมีนวัตกรรม และ Best practice โดยจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นพบว่ามี 4 สิ่งสำคัญ คือ 1) ภาวะผู้นำทางการศึกษา ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญผู้นำทางการศึกษาต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 2) แนวคิดและกระบวนทัศน์ ผู้นำทางการศึกษาต้องมีวิสัยทัศน์ที่มองทะลุ รวมถึงสร้างวิสัยทัศน์ร่วม เพื่อสร้างเครือข่ายและความร่วมมือในการสร้างภาพความสำเร็จที่ตรงกัน 3) การออกแบบการทำงาน หรือ กลไกการทำงาน เพื่อเชื่อมโยงกระบวนการทำงานและทำให้ทุกภาคส่วนมองเห็นภาพการทำงานชัดเจนมากขึ้น และ 4) ความต่อเนื่องของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการต่อยอดนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาการเด็กปฐมวัย” ทั้งนี้ สกศ. พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เด็กไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมในอนาคตต่อไป
