รมว.ศธ. “พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ” เป็นประธานประชุม คกก.ขับเคลื่อนนโยบายการศึกษานัดแรก ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ชุด เดินหน้าตามแผนโรดแม็ป สู่เป้าหมาย “เรียนดี มีความสุข” พร้อมดัน 8 สาขาสร้างกำลังคนมืออาชีพ สอดรับอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
5 ตุลาคม 2566 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ครั้งที่ 1 โดยมีศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ, รองศาสตราจารย์สุขุม เฉลยทรัพย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารองค์กรหลัก และข้าราชการ เข้าร่วมประชุมหารือ และพิจารณากรอบการดำเนินงานตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข”
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษก ศธ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี รมว.ศธ. เป็นประธาน เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ไปสู่แผนการดำเนินงานตามเป้าหมาย ประสานการทำงานภายในและภายนอก ศธ. รวมทั้งภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน และงานประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เน้นสื่อสารกับสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ครู นักเรียน และผู้ปกครอง โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา มาเป็นที่ปรึกษา ได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ, นายมีชัย วีระไวทยะ และรองศาสตราจารย์สุขุม เฉลยทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ จะทำให้การขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอน
ในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นต่อนโยบายการศึกษาและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของ รมว.ศธ. ระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2566 จำนวน 24,153 หน่วยตัวอย่าง ครอบคลุมผู้บริหาร ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัด มีผลสรุปที่สำคัญ คือ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับนโยบายทุกข้อ เพราะมีความเหมาะสม ชัดเจน และตรงกับความต้องการ ส่วนนโยบาย 5 อันดับแรกที่ควรดำเนินการเร่งด่วน ได้แก่ อันดับแรก นโยบายปรับวิธีการประเมินวิทยะฐานะครูฯ ค่าเฉลี่ย 4.29, รองลงมา นโยบายครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ค่าเฉลี่ย 4.28, นโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ค่าเฉลี่ย 4.26, นโยบายมีรายได้ระหว่างเรียนฯ ค่าเฉลี่ย 4.15 และนโยบายระบบแนะแนวการเรียนฯ ค่าเฉลี่ย 4.02 ตามลำดับ
กลุ่มตัวอย่างได้สะท้อนถึงปัญหาและให้ข้อเสนอแนะที่น่าสนใจ เช่น ปัญหาภาระงานอื่นที่กระทบต่อการสอนของครู การขาดแคลนบุคลากร งบประมาณ และอุปกรณ์การเรียนการสอน สื่อที่ทันสมัย และสาธารณูปโภคที่จำเป็น ส่วนข้อเสนอแนะเรื่องนโยบายฯ เสนอว่าควรเป็นนโยบายที่ดำเนินการแล้วไม่เป็นภาระด้านเอกสารและไม่เป็นภาระของครู ควรยึดความถูกต้อง รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม ตามหลักธรรมาภิบาล เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และควรพัฒนาคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาและเห็นชอบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา จำนวน 5 ชุด เพื่อดำเนินการตามแผนงานนโยบายการศึกษาของ ศธ. ได้แก่
- คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
- คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการศึกษา “เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) จัดทำแพลตฟอร์ม และพัฒนาระบบแนะแนวการเรียน (coaching) และเป้าหมายชีวิต โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
- คณะอนุกรรมการจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) และส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn) โดยมีเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
- คณะอนุกรรมการจัดทำระบบการวัดผล เทียบระดับการศึกษา ประเมินผลการศึกษา และธนาคารเครดิตแห่งชาติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
- คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษา โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน
รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิเศษขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อวางระบบการดูแลสุขภาพจิตในสถานศึกษา โดยจะเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับทักษะสื่อสารกับเด็กและเรื่องสุขภาพจิต มาวางแผนการทำงานร่วมกันต่อไป
ในเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์นั้น รมว.ศธ.ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ รมว.ศธ.เป็นกรรมการ จึงได้มอบฝ่ายเลขานุการร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์ ของกระทรวงศึกษาธิการ โดย รมว.ศธ.เป็นประธานฯ เพื่อกำกับดูแลการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันแรงงานทักษะสูงใน 8 สาขา ให้สอดรับกับหมุดหมายและแผนงาน Quick Win ของรัฐบาล ได้แก่ สาขาอาหาร เกม แฟชั่น ศิลปะ การออกแบบ ดนตรี กีฬา และหนังสือ
นวรัตน์ รามสูต
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.
6/10/2566