ระวัง! “Ai หลอก Ai” แก๊งสเกมเมอร์ใช้เทคโนโลยี AI ปลอม “ใบหน้าเหยื่อ”
2
ปัจจุบัน แก๊งสเกมเมอร์ใช้เทคโนโลยี AI ปลอม “ใบหน้าเหยื่อ” ทำคลิปหันหน้า-กะพริบตา-อ้าปาก
หลอกผ่านระบบยืนยันตัวตน (KYC) ของธนาคารและแพลตฟอร์มเงินดิจิทัล
– อย่าอัปโหลดหรือส่งคลิปยืนยันตัวตนให้ใครผ่านลิงก์แปลกๆ
– หากพบระบบขอ “ยืนยันตัวตน” ที่น่าสงสัย ให้ตรวจสอบกับธนาคารหรือหน่วยงานโดยตรง
– แชร์เตือนคนรอบข้าง เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของ “Ai หลอก Ai”
‘AI หลอก AI’ กลโกงใหม่ที่อาจทำให้คุณกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกรรมทางการเงินส่วนใหญ่ทำผ่านช่องทางออนไลน์ การยืนยันตัวตน (KYC – Know Your Customer)
กลายเป็นขั้นตอนมาตรฐานที่สร้างความอุ่นใจให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคารหรือการใช้แพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัล
เราต่างคุ้นเคยกับการถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อยืนยันว่าเราคือเจ้าของบัญชีตัวจริง
เราต่างคุ้นเคยกับการถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อยืนยันว่าเราคือเจ้าของบัญชีตัวจริง
แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเรา กลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ?
ปัจจุบันได้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “AI หลอก AI” ซึ่งแก๊งสแกมเมอร์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเจาะระบบยืนยันตัวตนที่ใช้ AI เช่นกัน
บทความนี้จะเจาะลึกถึงกลโกงอันแยบยลนี้ และแนะนำวิธีป้องกันตัวที่คุณสามารถทำได้ทันที
มิติใหม่ของกลโกง : “AI หลอก AI” ทำงานอย่างไร?
กลไกหลักของกลโกงนี้คือการที่มิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างวิดีโอปลอม (Deepfake) จากใบหน้าของเหยื่อ
โดยวิดีโอดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาให้สามารถทำตามคำสั่งของระบบยืนยันตัวตนได้อย่างแนบเนียน
ไม่ว่าจะเป็นการหันหน้าซ้ายขวา การกะพริบตา หรือการอ้าปาก
คลิปวิดีโอปลอมนี้จะถูกนำไปใช้หลอกระบบตรวจสอบและยืนยันตัวตนอัตโนมัติ (KYC) ของสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล
ทำให้มิจฉาชีพสามารถสวมรอยเปิดบัญชีในชื่อของเหยื่อได้สำเร็จ แม้ว่าเหยื่อจะไม่เคยทำธุรกรรมนั้นด้วยตนเองเลยก็ตาม
อันตรายที่มากกว่าเสียเงิน : เมื่อตัวตนของคุณถูกสวมรอยเป็นอาชญากร
ผลกระทบที่น่ากลัวที่สุดของภัยคุกคามนี้ไม่ใช่แค่การสูญเสียทรัพย์สิน แต่คือการที่ตัวตนของคุณถูกขโมยไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย
เมื่อมิจฉาชีพสวมรอยเปิดบัญชีในนามของคุณได้สำเร็จ บัญชีดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย
เช่น ใช้เป็นช่องทางรับและถ่ายโอนเงินที่ได้จากการก่ออาชญากรรม
สิ่งที่ตามมาคือ คุณอาจกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรมทางการเงินโดยไม่รู้ตัว
และต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายต่อชื่อเสียงอย่างมหาศาล
วิธีป้องกันตัวจากภัย “AI หลอก AI” ที่คุณทำได้ทันที
แม้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพจะซับซ้อนขึ้น แต่เราสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยความรอบคอบและปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
• อย่าอัปโหลดหรือส่งคลิปยืนยันตัวตนให้ใครผ่านลิงก์แปลกๆ : ห้ามส่งวิดีโอที่ใช้ยืนยันตัวตนของคุณให้กับบุคคลอื่น หรืออัปโหลดผ่านลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือและไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการของหน่วยงานนั้นๆ โดยเด็ดขาด
• ตรวจสอบกับหน่วยงานโดยตรงเสมอ : หากคุณได้รับคำขอให้ยืนยันตัวตนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ดูน่าสงสัย ให้หยุดทำรายการทันที และติดต่อสอบถามกับธนาคารหรือบริษัทนั้นๆ โดยตรงผ่านช่องทางที่เป็นทางการเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
• แชร์ข้อมูลเพื่อเตือนคนรอบข้าง : แบ่งปันข้อมูลและคำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคาม “AI หลอก AI” นี้ให้กับเพื่อน ครอบครัว และคนรู้จัก เพื่อช่วยกันสร้างความตระหนักรู้และป้องกันไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่ออีก
บทสรุป : ก้าวต่อไปในโลกดิจิทัลอย่างเท่าทัน
ภัย “AI หลอก AI” คือเครื่องย้ำเตือนว่าในโลกดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ภัยคุกคามก็พัฒนาตามไปด้วยเช่นกัน
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตั้งคำถามและใช้ความระมัดระวังอยู่เสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลและการยืนยันตัวตน
การเท่าทันกลโกงและปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้เราใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ช่องทางแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือจากตำรวจไซเบอร์
หากคุณสงสัยว่าจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือต้องการแจ้งเบาะแส สามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานตำรวจไซเบอร์โดยตรง
• แจ้งเบาะแสหรือความเสียหายออนไลน์ : www.thaipoliceonline.go.th
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : สายด่วน 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
