“จิตอาสากระทรวงศึกษาธิการ” ร่วมสร้างสรรค์สังคม ขับเคลื่อนประเทศให้มั่นคงอย่างยั่งยืน

โครงการจิตอาสาพระราชทานริเริ่มโดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยราชการในพระองค์ 904 ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมในการทำความดีเพื่อสังคม มุ่งเน้นให้จิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และทำความดีอย่างยั่งยืน ตามพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการสร้างความผาสุกอย่างยั่งยืนแก่ปวงชนชาวไทย

โครงการจิตอาสาพระราชทานได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยให้ชุมชนมีความสะอาด น่าอยู่ ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพจิตดีขึ้น สร้างความรักความสามัคคี ช่วยลดปัญหาความยากจน ส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็ง และสร้างจิตสำนึกสาธารณะให้แก่คนไทย สมควรอย่างยิ่งที่ชาวไทยทุกคนจะน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความจงรักภักดี และร่วมเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อส่วนรวม

กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมนำแนวทางราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ด้านการเป็นจิตอาสา เพื่อสร้างพื้นฐานให้ทุกคนเป็นพลเมืองที่ดี มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ในปี พ.ศ. 2562 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ และแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ประสานงานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อติดต่อประสานงานกับกองอำนวยการหลักสูตรจิตอาสา 904 กองกิจการในพระองค์ ในการติดตามการทำงานของจิตอาสา 904 เพื่อขยายผลให้กับหน่วยงานราชการและประชาชนทั่วไป ซึ่งโครงการนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเยาวชนไทยทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกสาธารณะให้กับเยาวชนไทย รู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคม และปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นชาติให้กับเยาวชนไทยอีกด้วย

โครงการจิตอาสาพระราชทานของกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการ 3 ประเภท ได้แก่ จิตอาสาพัฒนา ดำเนินกิจกรรมเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของแต่ละชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น, จิตอาสาภัยพิบัติ ดำเนินกิจกรรมเพื่อเฝ้าตรวจและเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ตลอดจนความช่วยเหลือ บรรเทาและฟื้นฟูความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยพิบัติดังกล่าว และจิตอาสาเฉพาะกิจ ดำเนินกิจกรรมตามห้วงเวลาโดยเฉพาะเป็นครั้งคราว ซึ่งใช้กำลังพลจิตอาสาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

 

ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมจิตอาสาย่อยอีกมากมาย เช่น การปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดชุมชน ช่วยเหลือผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส บริจาคโลหิต ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่งเสริมอาชีพแก่คนยากจน พัฒนาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการศึกษา ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ส่งเสริมสันติภาพ เป็นต้น โดยประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในโครงการจิตอาสาพระราชทานของกระทรวงศึกษาธิการได้ ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาที่กระทรวงศึกษาธิการจัดขึ้น หรือโดยการจัดกิจกรรมจิตอาสาของตนเอง เนื่องจากเป็นโครงการที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยไม่จำกัดอายุ เพศ หรือสถานะทางสังคม

หนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาของกระทรวงศึกษาธิการที่โดดเด่น คือ โครงการลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน โดยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติได้ขอพระราชทานหลักสูตรลูกเสือจิตอาสาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อส่งเสริมให้ลูกเสือและบุคลากรทางการลูกเสือได้เสริมสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564  และได้ผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจ มีผู้ผ่านการอบรมลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน จำนวน 260,500 คน สถานศึกษาที่ตั้งหน่วยลูกเสือจิตอาสาพระราชทานจำนวน 6,160 แห่ง นับเป็นโครงการที่ทรงคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคม ช่วยให้ลูกเสือได้เรียนรู้ พัฒนาตนเอง รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม รู้จักการทำงานร่วมกัน และยังช่วยส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งน่าอยู่ยิ่งขึ้น

นอกจากนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการยังได้รับพระราชทานโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการพระราชทานอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูวิถีชีวิตแบบพอเพียง มุ่งเน้นให้ประชาชนมีทักษะและความรู้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมแบบยั่งยืน สามารถสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว รวมทั้งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์ และกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสายพันธุ์กระบือไทยให้คงอยู่สืบไป

ในส่วนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้ร่วมแรงร่วมใจจัดกิจกิจกรรมจิตอาสาในทุกมิติ อาทิ โครงการบูรณาการการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพกับการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนอาชีวะ, กิจกรรมจิตอาสาบริการประชาชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของประชาชน (Fix it Center), โครงการจิตอาสาสัญจร กระทรวงศึกษาธิการ “สามัคคี ทำความดี เพื่อแผ่นดิน”, กิจกรรมจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมบริจาคโลหิต, โครงการฝึกอบรมข้าราชการบรรจุใหม่ หลักสูตรการเป็นข้าราชการที่ดี, โครงการเทิดพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์, เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม “จิตอาสาสำนักงาน ก.ค.ศ.”, บำเพ็ญประโยชน์สร้างสุขให้ผู้สูงวัย และโครงการทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์ตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทรวงศึกษาธิการจึงจัดโครงการประชุมเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ณ หอประชุมคุรุสภา มีการนำเสนอผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนงานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ และทิศทางการดำเนินงานจิตอาสา กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จากหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ

นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า  “โครงการจิตอาสาพระราชทาน เป็นหลักที่จะผลักดันพันธกิจตามแผนการศึกษาชาติ ในการบูรณาการการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วัฒนธรรม ศิลปะ กีฬา อย่างชัดเจน กล่าวคือ ต้องเรียนรู้ความเป็นมาของชาติไทย ซึ่งบูรพกษัตริย์ได้ต่อสู้เสียเลือดเนื้อเพื่อรักษาดินแดน รักษาความสงบให้แก่บ้านเมืองมาโดยตลอด ศึกษาเรื่องวัฒนธรรม ต้องรู้จักตนเอง รู้จักที่มาที่ไปของสกุล รู้จักแหล่งที่อยู่อาศัยหรือชุมชน มีความคิดริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์ มีทักษะกีฬา หรืออาจต่อยอดเป็นนักกีฬามืออาชีพระดับโลกได้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะหลอมรวมทุกคนให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญต่อประเทศตามแผนการศึกษาชาติทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป”

จึงเห็นได้ชัดว่าโครงการจิตอาสาพระราชทานเป็นโครงการที่ทรงคุณค่าและมีความสำคัญยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งหวังให้เป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศ ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน

โอกาสนี้เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่พระองค์ท่าน ขอพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญในพระวรกายและพระพลานามัย ข้าพระพุทธเจ้าขอแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตลอดจนขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อร่วมสร้างสังคมไทยที่เข้มแข็งและยั่งยืน.

ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานของกระทรวงศึกษาธิการได้ที่เว็บไซต์
https://jitarsa.moe.go.th