รู้ทัน !! กลโกงสแกมเมอร์ 4 รูปแบบยอดฮิต

ไม่ใช่แค่หลอกโอนเงิน! เปิด 4 กลโกงสุดแยบยลจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คุณอาจต้องระวัง!!

หลายคนคงคุ้นเคยกับมุกคลาสสิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกให้ตกใจกลัว แล้วรีบโอนเงิน
ไม่ว่าจะเป็นการอ้างว่ามีพัสดุตกค้าง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรง
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในปัจจุบัน กลโกงของมิจฉาชีพได้พัฒนาไปไกลกว่าที่เราคิดมาก
พวกมันสร้างสรรค์เรื่องราวที่ซับซ้อนและแยบยลขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหลอกลวงเงินจากกระเป๋าของเรา
บทความนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงมุกเดิมๆ แต่จะพาไปเจาะลึกกลโกงรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าตกใจและคาดไม่ถึง
เพื่อให้ทุกคนได้รู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อ ไปดูกันเลยว่า 4 รูปแบบกลโกงจากแก๊งสแกมเมอร์ที่น่าจับตามองที่สุดในยุคนี้มีอะไรบ้าง

1. มุกคลาสสิกที่อัปเกรดใหม่ : แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

เริ่มต้นด้วยกลโกงที่ดูเหมือนจะเก่า แต่ยังคงได้ผลเสมอ นั่นคือการ “แอบอ้าง” เป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ”
ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่สรรพากร หรือหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้เหยื่อเกิดความกลัวจนขาดสติ
สาเหตุที่มุกนี้ยังใช้ได้ผลอยู่เป็นเพราะมันเล่นกับหลักจิตวิทยาที่เรียกว่า “Authority Bias” หรืออคติความเชื่อผู้มีอำนาจ
โดยเฉพาะในวัฒนธรรมไทยที่มักจะเคารพและเชื่อฟังผู้ที่อยู่ในตำแหน่งราชการ มิจฉาชีพจึงใช้ช่องโหว่นี้สร้างสถานการณ์กดดัน
ทำให้เหยื่อตื่นตระหนกและไม่กล้าตั้งคำถาม จนหลงเชื่อและทำตามคำสั่งแต่โดยดี

2. หลอกลงทุนระดับโลก : อ้างชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอผลตอบแทน 20 เท่า

ใครจะไปคิดว่ามิจฉาชีพจะกล้าอ้างชื่อบุคคลสำคัญระดับโลกเพื่อหลอกลวง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว
เมื่อตำรวจ ปอศ. ได้เข้าจับกุมสแกมเมอร์ที่สร้างเรื่องราวหลอกให้ลงทุน โดยแอบอ้างชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมเสนอ “ผลตอบแทนสูงถึง 20 เท่า”
กลโกงสุดเพ้อฝันนี้สร้างความเสียหายไปกว่า 13 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความใจกล้าของมิจฉาชีพที่พร้อมจะสร้างเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เกินจริง
เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่โลภและต้องการรวยทางลัด โดยอาศัยชื่อเสียงของบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถูกนำมาแอบอ้าง

3. กับดักเงินกู้ทิพย์ : ทลายเครือข่ายหลอกลวงซ้อนฟอกเงิน

อีกหนึ่งกลโกงที่น่ากลัวและมีความซับซ้อนสูง คือเครือข่ายหลอกให้กู้เงินออนไลน์
ดังเช่นกรณีที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เข้าทลายเครือข่าย
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมหมายจับติดตัวถึง 8 หมาย และตรวจยึดของกลางได้อีกกว่า 22 รายการ
สะท้อนให้เห็นขนาดขององค์กรอาชญากรรมนี้
ความอันตรายของกลโกงรูปแบบนี้ไม่ได้อยู่แค่การสูญเสียเงิน
แต่เป็นการซ้ำเติมผู้ที่กำลังเดือดร้อนทางการเงิน และที่เลวร้ายกว่านั้นคือการดึงเหยื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอาชญากรรม
บัญชีธนาคารของเหยื่อที่ถูกหลอกจะถูกนำไปใช้เป็นเส้นทาง 
“ฟอกเงิน” ต่อ
ซึ่งเท่ากับว่าเหยื่อจะเปลี่ยนสถานะจากผู้เดือดร้อนไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีอาญาทางการเงินร้ายแรงโดยไม่รู้ตัว

4. ลักพาตัวทิพย์ : เมื่อความรักของครอบครัวกลายเป็นเครื่องมือ

นี่คือหนึ่งในกลโกงที่โหดร้ายที่สุด เพราะมันเล่นกับความรักและความเป็นห่วงของคนในครอบครัว
มิจฉาชีพจะสร้างสถานการณ์ “ลักพาตัวทิพย์” โดยโทรไปข่มขู่ว่าได้จับตัวคนในครอบครัวของคุณไว้ และบีบบังคับให้รีบโอนเงินค่าไถ่มาทันที
ในสถานการณ์ที่ตื่นตระหนกเช่นนี้ คาถาป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการตั้งสติและท่องจำสโลแกนนี้ไว้ให้ขึ้นใจ

” ไม่เชื่อ  ไม่รีบ  ไม่โอน “

หัวใจสำคัญของการรับมือกับมิจฉาชีพทุกรูปแบบคือการตัดวงจร “ความรีบร้อน” ที่โจรสร้างขึ้น
เพราะอย่างที่เขาว่ากันว่า 
“รีบโอนโจรยิ้ม” การหยุดคิดสักนิดเพื่อตรวจสอบความจริง
คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้คุณต้องสูญเสียเงินให้กับเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นมา

บทสรุป : ก้าวต่อไปอย่างรอบคอบในโลกดิจิทัล

จะเห็นได้ว่ากลโกงของมิจฉาชีพนั้นเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
โดยมีแกนหลักคือการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความโลภ หรือความรัก การรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้จึงเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล
สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะได้รับข่าวสารที่น่าตกใจหรือข้อเสนอที่ดีเกินจริงแค่ไหนก็ตาม
ลองหยุดและตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเสมอ ในวันนี้ คุณพร้อมที่จะ “เอ๊ะก่อนโอน” แล้วหรือยัง ?